อัลเทอร่า ชลบุรี ใช้เครื่องมือแท้ทันสมัย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน

อัลเทอร่า หนึ่งในเครื่องยกกระชับหน้า ที่ใคร ๆ ก็ยกให้เป็นเหมือนราชาแห่งการยกกระชับ ดารา เซเลปหลาย ๆ ท่านเลือกที่จะทำหัตถการนี้และยกให้ Ulthera คือที่สุดในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า หากกำลังมองหาตัวช่วยดี ๆ แต่ยังไม่รู้จะเลือกรับบริการแบบใด เพราะในปัจจุบันมีเครื่องยกกระชับมากมายเต็มไปหมด อัลเทอร่า ชลบุรี คือตัวเลือกหนึ่ง

อัลเทอร่า หนึ่งในเครื่องยกกระชับใบหน้าที่ใช้หลักการทำงานของคลื่นเสียงความถี่สูง และมีความเฉพาะเจาะจง ยิงลงไปที่ผิวหนัง และคลื่นดังกล่าวจะลงลึกไปถึงชั้นผิวต่าง ๆ โดยสามารถลงไปได้ถึงผิวหนังชั้น SMAS ที่แพทย์นิยมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากเป็นเครื่องยกกระชับใบหน้าที่มีนวัตกรรมจอแสดงผล ทำให้แพทย์สามารถเห็นชั้นผิวได้แบบ Real Time

โดยหลักการทำงานของเครื่อง Ulthera นั้นคือ เมื่อแพทย์ทำการนำหัวยิง ยิงสู่ผิวหนังของลูกค้า คลื่นเสียงความถี่สูงจากตัวเครื่องนี้ จะส่งตรงไปเป็นจุดพลังงานเล็ก ๆ 1 มิลลิเมตร คล้ายกับจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกัน เมื่อลงไปถึงชั้นผิวต่าง ๆ จะเกิดเป็นความร้อนในช่วง 60 – 70°C ทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณหดตัว ทำให้ผิวและกล้ามเนื้อบริเวณที่ยิงยกกระชับขึ้น ทำให้การทำหัตถการ Ulthera เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยยกกระชับใบหน้าได้ แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย หรือปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ทำให้สะดวก ไม่ต้องพักฟื้นนาน

การทำ อัลเทอร่า ชลบุรี เหมาะสำหรับที่ประสบปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย และต้องการกระชับผิวปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยยกคิ้วตก กระชับผิวบริเวณใต้คางและรักษารอยย่นบริเวณคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันยังพบว่า หากทำตั้งแต่เพิ่งเริ่มมีปัญหาหรือมีความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย จะสามารถช่วยชะลอให้ผิวหย่อนคล้อยช้าลงได้ การทำ อัลเทอร่า ชลบุรี สามารถทำร่วมกับการปรับกรอบหน้าให้มีความเรียว หรือการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยด้วยการฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ได้ โดยทั่วไปผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าส่วนหนึ่งเลือกที่จะทำทั้งสองอย่างพร้อมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่ทั้งนี้แพทย์ผู้ให้บริการจะเป็นผู้ประเมินและเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sustainable Branding คืออะไร

Sustainable Branding คืออะไร

การสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน (Sustainable Branding) คือ การสร้างแบรนด์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว แบรนด์ที่ยั่งยืนจะให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

การสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนมีประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจและผู้บริโภค ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนจะได้รับประโยชน์จากภาพลักษณ์ที่ดีต่อผู้บริโภคและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภคในระยะยาว ผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์จากสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

แนวทางในการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน มีดังนี้

ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจควรใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ เช่น การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้วัสดุรีไซเคิล เป็นต้น
รูปภาพใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเปิดในหน้าต่างใหม่

ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจควรผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สินค้าและบริการที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ สินค้าและบริการที่ช่วยลดมลพิษ เป็นต้น
รูปภาพผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเปิดในหน้าต่างใหม่

ผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ธุรกิจควรสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เช่น การให้ความช่วยเหลือชุมชน การสนับสนุนองค์กรการกุศล เป็นต้น
รูปภาพสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมเปิดในหน้าต่างใหม่

สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน ได้แก่

Patagonia แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาที่ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุรีไซเคิลและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รูปภาพPatagonia แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาเปิดในหน้าต่างใหม่

Patagonia แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา

Unilever บริษัทข้ามชาติด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

The Body Shop แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามที่ให้ความสำคัญกับการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและการสนับสนุนชุมชน
รูปภาพBody Shop แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามเปิดในหน้าต่างใหม่

Body Shop แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม

การสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนเป็นเทรนด์ที่มีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนจะได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และผลลัพธ์ทางธุรกิจ

โคมไฟไฮเบย์ สามารถประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดประเภทอื่น

โคมไฟไฮเบย์ ที่ใช้สำหรับให้แสงสว่าง บนพื้นที่ขนาดใหญ่ มักพบเห็นได้ โดยทั่วไปในพืนที่ ที่มีหลังคาสูง โดยโคมไฮเบย์​มักจะแขวน ที่ระดับความสูง ตั้งแต่ 4.5 เมตรขึ้นไป มีแนวการส่องสว่างในแนวดิ่ง จากบนลงล่าง โดยในมาตราฐานอุตสาหกรรม (มอก.) โคมประเภทนี้ถูกจัดอยู่ในประเภท โคมไฟประจำที่ และถูกจัดเป็นโคมไฟโรงงานประเภทหนึ่ง โคมไฟไฮเบย์ ส่วนมาก มักจะมีกำลังไฟฟ้าเริ่มต้นที่ 50W ขึ้นไป และมุมกระจายแสง โดยทั่วไป อยู่ที่ 90 และ องศา แต่อย่างไรก็ตามในบางการใช้งาน จำเป็นต้องใช้โคมที่มีมุมกระจายแสงที่ แคบ หรือ กว้างกว่า เช่น มุมกระจายแสง 25 องศา ไปจนถึง 120 องศา

โคมไฟไฮเบย์ โคมไฟส่องสว่างสำหรับติดตั้งกับเพดานโดยปกติจะแขวนไว้ใต้ชายคา เป็นโคมที่ให้แสงสว่างได้อย่างทั่วถึงตามความต้องการของผู้ใช้งานพบเห็นได้ตามสถานที่ต่างๆ ด้วยรูปทรงที่แปลกตาอาจเป็นที่สงสัยของหลายคน ว่ามันคืออะไร ซึ่งหลายคนก็คงไม่ทราบว่าไฮเบย์มี 2 ประเภท ทั้งโคมไฟไฮเบย์รุ่นเก่าที่ใช้หลอดชนิด High Pressure ขนิดเมทัลฮาไลด์หรือหลอดโซเดียม และที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน คือ โคมไฟไฮเบย์

โคมไฟไฮเบย์รุ่นเก่า เป็นไฟที่ใช้โดยทั่วไปในหลายพื้นที่ โดยเป็นอุปกรณ์ที่ต้องยึดติดกับเพดานและจะต้องมีระยะห่างจากพื้นประมาณ 4-5 เมตร สามารถติดตั้งโคมไฮเบย์ ได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น อาคาร โรงงาน คลังสินค้า โกดัง ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน สนามกีฬา ลานจอดรถ รวมถึงสถานที่ที่มีบริเวณกว้างเพื่อให้แสงสว่างส่องได้อย่างทั่วถึง ตามหลักแล้วไฟไฮเบย์ (High Bay) แบบเดิม จะใช้งานกับหลอดไฟได้ 2 แบบ คือ หลอดไฟที่มีประจุความเข้มสูง (High Intensity Discharge lights) และแบบที่ใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ (Florescent lights) ซึ่งหลอดไฟทั้ง 2 ชนิด จะทำให้อุปกรณ์เกิดการสะสมความร้อน และเสียค่อนข้างง่าย มีอายุการใช้งานที่สั้น

ดังนั้นในปัจจุบัน จึงนิยมใช้ โคมไฟไฮเบย์ ซึ่งเป็นไฟที่มีลำแสงเย็น ไม่มีรังสี UV และรังสี IR ทำให้ยืดอายุการใช้งานของโคมไฮเบย์ LED อีกทั้งยังช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆทำงานไม่หนัก เนื่องจากชิปแอลอีดีจะปล่อยความร้อนน้อยลง ทำให้ไม่กระทบเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น เช่นในกรณีที่นำไปติดตั้งในห้องเย็น ความร้อนจากตัวโคมจะมีผลอย่างมากต่อเครื่องทำความเย็น นอกจากนี้ ไฮเบย์ LED ยังมีกำลังไฟที่หลากหลายเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกใช้งานตามความต้องการ เช่น โคมไฮเบย์led 100w โคมไฮเบย์led 150w โคมไฮเบย์led 200w จุดเด่นของโคมไฮเบย์ LED ที่แตกต่างจากไฮเบย์แบบธรรมดาคือ ไฮเบย์ LED สามารถให้ความสว่างได้มาก เป็นวงกว้าง ทำให้แสงสว่างส่องอย่างทั่วถึง และให้ค่าแสงที่ถูกต้องเป็นธรรมชาติไม่ผิดเพี้ยนเมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบเดิม อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าไฮเบย์LEDแบบเดิมถึง 70% หรืออาจเปรียบเทียบง่ายๆคือหากเราใช้หลอดไฟ HIGH BAY แบบทั่วไป โดยใช้ไฟขนาด 400 วัตต์ จะมีค่าเท่ากับการใช้หลอด LED HIGHT BAY ที่ใช้ไฟขนาด 110 วัตต์ ซึ่งส่วนต่างระหว่างหลอดไฟ HIGH BAY แบบทั่วไป กับ หลอด LED HIGHT BAY จะคิดได้เป็น 290 วัตต์ หรือประมาณ 70% ที่หลอด LED HIGHT BAY จะสามารถช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดแบบเดิม

นอกจากนี้ไฮเบย์LED ยังผลิตจากวัสดุคุณภาพดีมีความทนทาน ไม่มีสารปรอท ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ใช้งาน คนรอบข้าง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนวิธีการดูแลรักษาก็ง่ายเพียงแค่ใช้ผ้าสะอาดหรือผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดตัวโคมหรือบริเวณที่สกปรกเท่านั้น

ถึงแม้ว่าในช่วงแรกโคมไฮเบย์LED ราคาจะสูงจึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมมากเหมือนอย่างปัจจุบัน แต่ด้วยผลการทดลองที่ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนแล้วว่าหลอดled สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าหลอดแบบธรรมดา อีกทั้งยังคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไป ดังนั้นในปัจจุบันโคมไฮเบย์led จึงเป็นที่นิยมมากกว่าโคมไฮเบย์แบบธรรมดา รู้อย่างนี้แล้วผู้บริโภคควรรีบตรวจสอบหลอดไฟที่กำลังใช้งานอยู่ว่าเป็นแบบธรรมดาหรือแอลอีดี เพื่อความคุ้มค่าและความเหมาะสมต่อการใช้งาน