ลู่วิ่งเครื่องออกกำลังกายที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

ถ้าพูดถึงการออกกำลังกาย หลายคนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายมากเท่าไรนัก ก็มักจะใช้วิธีการวิ่งเพื่อเผาผลาญพลังงาน แต่การจะออกไปวิ่งข้างนอกก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับใครบางคน ทำให้เขาเหล่านั้นเลือกที่จะหันหน้าเข้าฟิตเนสและวิ่งออกกำลังกายบนสายพานแทน แต่การออกกำลังกายด้วยการวิ่งทั้งสองวิธีนี้ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ผลลัพธ์ที่คุณจะได้มีอะไรแตกต่างกันหรือไม่ ตามมาดูกันได้เลย

การจะวิ่งบนลู่วิ่งกับการวิ่งข้างนอกให้ผลแตกต่างกันแน่นอนค่ะ แต่เราสามารถปรับวิธีการวิ่งเพื่อให้การวิ่งบนลู่วิ่งได้ผลใกล้เคียงกันกับการวิ่งข้างนอกได้ โดยต้องมีเทคนิคเล็กน้อยดังนี้ค่ะ สิ่งสำคัญก็คือ เราจะต้องใช้กำลังในการออกแรงวิ่งที่เท่าๆกัน โดยสามารถวัดได้จากอัตราการเต้นของหัวใจ หรือเทียบที่ความรู้สึกเหนื่อยขณะที่วิ่งไม่ใช่ความเร็วในการวิ่ง เพราะในความเป็นจริงแล้ว การวิ่งสองวิธีด้วยความเร็วที่เท่ากันอย่างแน่นอน คุณจะรู้สึกว่า การวิ่งข้างนอกจะทำให้รู้สึกเหนื่อยมากกว่าการวิ่งบนลู่วิ่ง ซึ่งมีเหตุผลมาจากการวิ่งบนลู่วิ่งไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือแรงต้านลม อีกทั้ง ตัวสายพานก็มีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นหนึ่งตัวช่วยที่ข่วยผ่อนแรงวิ่งของเราไปด้วยในตัว ในขณะที่การวิ่งข้างนอก ขาของเราจะต้องออกแรงผลักพื้นเพื่อดันตัวเราให้พุ่งไปข้างหน้า ทำให้รู้สึกถึงความเหนื่อยที่มากกว่า

ลู่วิ่ง สร้างหุ่นให้สมส่วน ฟิตและเฟิร์ม

ดังนั้นการจะวิ่งบนลู่วิ่ง ให้เหนื่อยเท่ากับการวิ่งข้างนอกหรือทำให้ทั้งสองวิธีเผาผลาญพลังงานได้เท่ากัน จะต้องมีการชดเชยการเกิดแรงต้านครั้งนี้ นักวิชาการ ได้ทำการศึกษามาแล้วพบว่า เพียงแค่ปรับความลาดเอียงของสายพานให้อยู่ที่ 1%ก็จะทำให้เราได้ออกแรง และเผาพลังงานเทียบเท่ากับการวิ่ง หรือเดินบนทางราบได้แล้ว ดังนั้น หากจะวิ่งบนลู่วิ่งครั้งต่อไป อย่าลืมปรับความลาดชันของลู่วิ่งให้สูงขึ้นเล็กน้อย จะได้เผาผลาญพลังงานได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลาการวิ่งที่เท่ากัน

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งใหม่ ๆ อาจรู้สึกเหมือนเหนื่อยแทบขาดใจ หรือขาไม่มีเรี่ยวแรงหลังวิ่งเสร็จ แต่ถ้าอดทนวิ่งได้สักระยะหนึ่ง ร่างกายส่วนต่าง ๆ ของคุณจะเริ่มปรับตัวได้ จนสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าเดิมแน่นอน

แต่ถ้าเราต้องการซ้อมเพื่อลงสนามแข่ง ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการซ้อมบนถนนหรือเส้นทางแข่งขันจริงนั้นย่อมดีกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะซ้อมวิ่งบนลู่วิ่งไม่ได้เลย โดยอย่างน้อย 60% ของการซ้อมเราควรที่จะซ้อมบนถนน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับสภาวะที่จะเจอในการแข่งขันจริง และทำให้ร่างกายเราคุ้นเคยกับสภาวะอากาศภายนอก
อีกอย่างที่สำคัญที่ลู่วิ่งไม่สามารถทำได้ ก็คือ การจำลองสภาพให้เหมือนการวิ่งลงทางลาด รวมถึงการหักเลี้ยวของเส้นทาง ซึ่งจะเกิดแรงที่กระทำต่อข้อต่อ และกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันออกไปจากการวิ่งบนทางตรงๆ

ลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังกายพื้นฐานที่หลายๆ คนนึกถึง ลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์คาร์ดิโอที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ทั้งนี้เพราะการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า 1 ชั่วโมงจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ถึง 400-1,200 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว จึงเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก และ เสริมสร้างการทำงานของหัวใจได้เป็นอย่างดี