น้ำมันกัญชาคืออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือ ถือเป็นคำถามที่หลายคนยังคงค้างคาใจ เมื่อมีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เพื่อให้ทางการแพทย์ศึกษาสรรพคุณในการรักษาอาการเจ็บป่วย รวมถึงมีประเด็นเกี่ยวกับการใช้สารสกัดจากต้นกัญชารักษาโรคมะเร็ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีข้อมูลทางการศึกษาที่ระบุว่ากัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เพราะฉะนั้นไม่ควรนำมาใช้เองโดยพลการ จนกว่าจะได้ขึ้นทะเบียนยารับรองอย่างเป็นทางการ มิเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
ถึงแม้ว่ายังไม่มีการรับรองว่า น้ำมันกัญชา สามารถรักษาโรคมะเร็ง ได้ แต่ก็มีการข้อมูลว่าสามารถใช้เป็นยาเสริมเพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงรักษาอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ เนื่องจากในกัญชานั้นมีสาร 2 ชนิดที่อยู่ในตระกูลแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) คือ THC ย่อมาจาก Tetrahydroconnabinol เป็นสารที่พบมากในกัญชาทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการหลอน และอาการเมา ทางการแพทย์จึงใช้สารนี้แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน และช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ส่วนสาร CBD ย่อมาจาก Canabidiol มีคุณสมบัติทางการแพทย์ที่หลากหลาย มีฤทธิ์ช่วยต้านอาการหลอน และต้านอาการเมาของสาร THC ทางการแพทย์จึงใช้สารชนิดนี้ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ แต่จะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ทั้งนี้ทั้งนั้น สาร THC และ CBD ที่อยู่ในกัญชามีประโยชน์ที่คล้ายกันแต่ออกฤทธิ์ต่างกัน เพราะฉะนั้นการใช้งานจึงขึ้นอยู่กับว่าต้องการผลการรักษาที่เป็นไปในทิศทางใด
สารสกัดน้ำมันกัญชาที่ใช้รักษาโรคแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
1. สารสกัดน้ำมันกัญชาที่มีประโยชน์ในการรักษา และมีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนชัดเจน ใช้รักษาอาการดังต่อไปนี้
– ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
– โรคลมชักที่รักษายากในเด็กและโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา
– ภาวะปวดประสาทที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
– รักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
2. สารสกัดจากน้ำมันกัญชาที่น่าจะมีประโยชน์ในการควบคุมอาการ ซึ่งควรมีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนหรือวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิผลเพื่อสนับสนุนการนำมาใช้รักษาอาการดังนี้
– โรคพาร์กินสัน
– โรคอัลไซเมอร์
– โรควิตกกังวลไปทั่ว
– ผู้ป่วยที่ต้องดูแลแบบประคับประคอง
– ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
3. สารสกัดจากกัญชาอาจมีประโยชน์ในการรักษา แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนที่ชัดเจนเพียงพอ ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิผล ต้องศึกษาวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองก่อนนำมาศึกษาวิจัยในมนุษย์ อาทิ การรักษาโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
น้ำมันกัญชาไม่ควรนำมาใช้เองโดยพลการ เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี โดยควรอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากได้รับสารในปริมาณที่มากเกินไป หรือมีอาการแพ้ จะทำให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ มีอาการท้องร่วง, อาการอ่อนเพลีย รวมถึงความอยากอาหาร หรือน้ำหนักเกิดการเปลี่ยนแปลง ในกรณีที่มีอาการเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจอาจทำให้เกิดอัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ วิงเวียนศีรษะ หมดสติ หรืออาจส่งผลให้เกิดอารมณ์ไม่คงที่ และหากใช้สารสกัดกัญชาเกินขนาด หรือต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงก่อให้เกิดอาการเสพติด ที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือมีผลข้างเคียงต่อระบบประสาท และสมอง รวมถึงอาจมีอาการทางจิต อาทิ มีอาการหลงผิด หรือเห็นภาพหลอน และเกิดอาการหวาดระแวงโดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งควรได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และควรปรึกษาแพทย์หากต้องการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกควบคู่กันไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายถึงชีวิต และอย่างที่ทราบกันดีว่าโรคมะเร็งมักมาพร้อมค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง รวมถึงการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ๆ ก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นการทำประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยจะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้อย่างครอบคลุม ฮักส์มีประกันสุขภาพจากหลายบริษัทชั้นนำที่น่าสนใจ เบี้ยเริ่มต้นแค่ 2,160 บาทต่อปี ซึ่งมาพร้อมการคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะป่วยหนัก หรือป่วยเบา ก็สามารถเลือกแผนประกันที่ใช่ได้อย่างตรงใจ